การกระทำใด ๆ ที่เคยทำไปในอดีต ส่งผลต่อผู้กระทำนั้น ๆ มักใช้กับการกระทำในทางที่ไม่ดี ในลักษณะถูกผลกรรมตามสนอง
"กงเกวียนกำเกวียน" นั้นเป็นคำที่ถูกต้อง ส่วนคำว่า "กงกำกงเกวียน" นั้นผิด เกวียน เป็นพาหนะที่แต่ก่อนคนไทยในอดีตนิยมใช้งาน กงเกวียน คือ วงรอบของล้อเกวียน ส่วน กำเกวียน คือ ซี่ล้อซึ่งตรงกลางมีดุมที่มีรู ไว้สำหรับสอดเพลาเป็นแกนยึดล้อทั้ง ๒ ข้าง เมื่อกงเกวียนหมุนไปทางใด กำเกวียนก็หมุนตามไปทางนั้น เปรียบเหมือนกงล้อเกวียน และกำเกวียน ซึ่งเวลาหมุนจะหมุนวนซ้ำรอยเดิม
ที่ถูกคือ กงเกวียนกำเกวียน
ประเภทสำนวน
"กงกำกงเกวียน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบถึงผลกรรมที่เป็นไปตามการกระทำ ต้องตีความเป็นนัย ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีเฉพาะเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบกับล้อเกวียนที่หมุนไป เมื่อส่วนบนของล้อที่อยู่ด้านบนหมุนลงมา ส่วนล่างก็จะกลับขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน เปรียบเสมือนการกระทำและผลของการกระทำที่จะย้อนกลับมาหาผู้กระทำในที่สุด หรือที่เรียกว่า 'กฎแห่งกรรม' คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กงกำกงเกวียน" ในประโยค
- เขาโกงเงินบริษัทไปหลายล้าน แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้และต้องติดคุก นี่แหละที่เรียกว่ากงกำกงเกวียน
- ครูคนนั้นชอบลงโทษนักเรียนอย่างรุนแรง พอมีลูกเอง ลูกกลับถูกครูทำร้าย นี่เรียกว่ากงกำกงเกวียนแท้ๆ
- อย่าทำร้ายใครไว้เลย เพราะสุดท้ายกงกำกงเกวียน ผลกรรมจะตามสนองเสมอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี