เมื่อถึงคราวบ้านเมืองนั้น ๆ ถึงคราวยากลำบาก ก็ยังเหลือคนดีมีความสามารถมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้
ประเภทสำนวน
"กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรง มีใจความสมบูรณ์ในตัวเอง ว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ย่อมมีคนดีอยู่เสมอ มีลักษณะเป็นคำสอนที่เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ให้แก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 แม้บ้านเมืองจะเสียหาย แต่ยังมีคนดีอย่างพระยาตาก (สิน) ที่รวบรวมไพร่พลกู้ชาติ ตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่ สำนวนนี้จึงสื่อถึงความเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะประสบวิกฤตการณ์ร้ายแรงเพียงใด ก็ยังมีคนดีที่จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้เสมอ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี" ในประโยค
- แม้องค์กรของเราจะประสบปัญหาวิกฤตทางการเงิน แต่กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ยังมีพนักงานที่เสียสละช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตนี้
- ถึงแม้ว่าจะมีคนโกงบ้านเมืองมากมาย แต่กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ประเทศไทยยังมีคนดีที่พร้อมทำงานเพื่อส่วนรวม
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี