เหตุการณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน แต่ภายนอกดูเหมือนสงบเรียบร้อยหรือพวกคลื่นใต้น้ำชอบก่อหวอดก่อเหตุการณ์วุ่นวาย ภายในคอยแซะอย่างลับหลัง
ประเภทสำนวน
"คลื่นใต้น้ำ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถเข้าใจได้จากความหมายตรงตัว ต้องตีความเป็นความหมายเฉพาะในภาษาไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบกับปรากฏการณ์ในธรรมชาติ คือ คลื่นที่เกิดขึ้นใต้ผิวน้ำ ซึ่งมองไม่เห็นจากภายนอก แต่มีพลังและอาจส่งผลกระทบได้ ใช้เปรียบเทียบกับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ดำเนินไปอย่างลับๆ โดยที่ผู้คนทั่วไปไม่รู้ แต่อาจส่งผลกระทบหรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ในภายหลัง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คลื่นใต้น้ำ" ในประโยค
- การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารครั้งนี้ ได้ยินว่ามีคลื่นใต้น้ำจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง
- แม้ภายนอกพรรคการเมืองจะดูสงบ แต่มีคลื่นใต้น้ำระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่กำลังแย่งชิงอำนาจกันอยู่
- ความขัดแย้งในบริษัทเป็นคลื่นใต้น้ำที่ผู้บริหารต้องจับตาดูให้ดี ก่อนที่จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี