มีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้น ยังไม่ทันจะแก้ไขหรือจัดการให้สงบดี ก็เกิดมีเรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก กลายเป็น 2 เรื่องขึ้นในคราวเดียว
ประเภทสำนวน
"ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบเหตุการณ์ มีความหมายเป็นนัยที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และมีโครงสร้างเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเปรยถึงสถานการณ์ที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเดิมหรือเรื่องเดิมให้เสร็จสิ้น ก็มีปัญหาใหม่หรือเรื่องใหม่เข้ามาเพิ่มอีก ทำให้ต้องรับมือกับปัญหาซ้อนปัญหา ที่มาของสำนวนนี้อาจเปรียบเทียบกับการเลี้ยงสัตว์ในชนบท เมื่อวัวหายไป ยังหาไม่พบ ก็มีควายหายตามไปอีก ทำให้เจ้าของเดือดร้อนซ้ำซ้อน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" ในประโยค
- พอดิฉันกำลังจัดการเรื่องลูกชายคนโตที่มีปัญหาที่โรงเรียน ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ลูกสาวคนเล็กก็มีปัญหาสุขภาพต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
- บริษัทเรายังแก้ปัญหาระบบเซิร์ฟเวอร์หลักล่มไม่เสร็จเลย ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ตอนนี้ระบบสำรองข้อมูลก็เสียหายอีกแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี