เรื่องราวไม่ดีภายในครอบครัวไม่ควรนำไปเล่าให้คนนอกบ้านฟัง และเรื่องราวไม่ดี คำนินทาว่าร้ายที่คนภายนอกพูดถึงคนในครอบครัวก็ไม่ควรนำมาเล่าให้คนภายในครอบครัวฟัง
ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
ประเภทสำนวน
"ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเรื่องการรักษาความลับและการไม่นำเรื่องภายนอกมาสร้างปัญหาภายใน มีลักษณะเป็นคำสอนที่ชัดเจน และเข้าใจได้โดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติมมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เป็นคำสอนเกี่ยวกับการรักษาความลับและความสงบสุขในครอบครัวหรือองค์กร โดย 'ความใน' หมายถึงเรื่องภายในบ้านหรือองค์กร ไม่ควรนำออกไปเล่าให้คนนอกฟัง และ 'ความนอก' หมายถึงเรื่องภายนอก ไม่ควรนำเข้ามาสร้างความวุ่นวายภายในบ้านหรือองค์กร เป็นการสอนให้รู้จักรักษาความลับและไม่นำความขัดแย้งจากภายนอกเข้ามา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า" ในประโยค
- คุณแม่สอนลูกสาวเสมอว่า ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า เรื่องในครอบครัวอย่าเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง
- ในองค์กรต้องยึดหลัก ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า จึงจะรักษาความลับและความสงบภายในได้
- ผู้จัดการเตือนพนักงานทุกคนว่า ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งในที่ทำงาน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี