คนที่มีฐานะต่ำต้อย พอได้ดิบได้ดี ลืมตัวลืมกำพืด ลืมชาติกำเนิดตัวเอง ดูถูกเหยียดหยามสิ่งที่ตัวเองเคยเป็น
คนที่มีฐานะต่ำต้อยพอได้ดิบได้ดีก็มักแสดงกิริยาอวดดีลืมตัว
คนจนพอได้ดีขึ้นมา ก็ลืมตัว
ประเภทสำนวน
"คางคกขึ้นวอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่เปรียบเปรยพฤติกรรมมนุษย์ โดยมีการใช้ภาพสัตว์ (คางคก) มาเปรียบเทียบลักษณะหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต้องตีความและไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากภาพของคางคก ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่ต่ำ พื้นดิน แต่กลับขึ้นไปนั่งบนวอหรือพาหนะสำหรับเจ้านาย เป็นการอุปมาถึงคนต่ำต้อยหรือไม่มีฐานะที่เหมาะสม แต่กลับได้ดิบได้ดี มีฐานะสูงขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วแสดงกิริยาวาจาเย่อหยิ่ง ทะนงตัว ลืมตัว เหมือนคนที่ไม่เคยมีอำนาจหรือฐานะมาก่อน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คางคกขึ้นวอ" ในประโยค
- พอได้เป็นหัวหน้า ก็เริ่มไม่คบเพื่อนเก่า ไม่สนใจญาติพี่น้อง ทำตัวเหมือนคางคกขึ้นวอไปเลย
- พนักงานใหม่คนนั้นเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ทำตัวเหมือนคางคกขึ้นวอ สั่งโน่นสั่งนี่แถมไม่ฟังความคิดเห็นของใครอีกด้วย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"คางคกขึ้นวอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงคนที่มีฐานะต่ำต้อยแต่ได้ขึ้นตำแหน่งหรือฐานะสูง โดยใช้ภาพของคางคก (สัตว์ที่ดูต่ำต้อย) ขึ้นไปอยู่บนวอ (พาหนะสำหรับคนชั้นสูง) เป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากความแตกต่างระหว่างคางคกซึ่งเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่ต่ำ ตามพื้นดิน ในโคลนตม มีรูปร่างไม่สวยงาม กับวอหรือวอทอง ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้สำหรับเจ้านาย ขุนนางชั้นสูง หรือเชื้อพระวงศ์ เมื่อคางคกได้ขึ้นวอ จึงเป็นสิ่งที่ผิดที่ผิดทาง ไม่เหมาะสม และดูแปลกประหลาด เปรียบเสมือนคนที่มีฐานะต่ำต้อยแต่ได้รับตำแหน่งหรือฐานะที่สูงเกินตัว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คางคกขึ้นวอ" ในประโยค
- หลังจากได้รับตำแหน่งผู้จัดการ เขาก็เริ่มไม่คบเพื่อนเก่า ทำตัวเหมือนคางคกขึ้นวอ
- ดาราคนนั้นพอดังเพียงไม่กี่เดือนก็ลืมเพื่อนเก่า วางตัวเป็นคางคกขึ้นวอ ไม่ยอมพูดกับใครเลย
- เธอต้องระวังตัวหน่อย อย่าทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอ เพราะจะถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"คางคกขึ้นวอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยหรือเปรียบเทียบสถานการณ์ที่คนต่ำต้อยได้ดิบได้ดีผิดปกติ ต้องตีความเพิ่มเติมว่าหมายถึงคนไม่เหมาะสมแต่ได้ตำแหน่งสูง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากภาพของคางคกซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน คลาน ไม่มีโอกาสอยู่สูง แต่กลับได้ขึ้นไปอยู่บน 'วอ' ซึ่งเป็นพาหนะสำหรับคนชั้นสูงหรือเจ้านายในสมัยโบราณ เปรียบเสมือนคนที่มีฐานะต่ำต้อย ไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ได้รับตำแหน่งสูงโดยไม่สมควร
ตัวอย่างการใช้สำนวน "คางคกขึ้นวอ" ในประโยค
- โจ้ไม่เคยเรียนด้านบริหารมาเลย แต่ดันได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายเพราะเป็นลูกเจ้าของบริษัท นี่มันคางคกขึ้นวอชัดๆ
- การที่นักการเมืองคนนั้นได้เป็นรัฐมนตรีทั้งที่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย เป็นตัวอย่างของคางคกขึ้นวอที่เห็นได้ชัดในวงการเมืองไทย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี