ที่เขาฆ่าช้างก็เพราะเขาหวังจะเอางาซึ่งมีราคาแพง เมื่อคนเราเจรจากัน ถ้อยคำหรือคำพูดถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรจะเป็นคำพูดที่มีความจริงใจ เชื่อถือได้
เหมือนกับ ฆ่าช้างเอางา
ประเภทสำนวน
"ฆ่าช้างจะเอางา คนเจรจาจะเอาถ้อยคำ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจา มีความหมายครบถ้วนในตัวเอง มีลักษณะเป็นคำเตือนใจหรือคำสอนที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เปรียบเทียบระหว่างการฆ่าช้างเพื่อเอางา กับการเจรจาที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ได้ถ้อยคำหรือข้อตกลงที่ต้องการ แสดงถึงแนวคิดว่าในการเจรจา ต้องมีจุดมุ่งหมายชัดเจน เหมือนกับที่คนล่าช้างมีเป้าหมายคืองาช้าง การสื่อสารจึงควรตรงประเด็น มุ่งไปที่สาระสำคัญ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ฆ่าช้างจะเอางา คนเจรจาจะเอาถ้อยคำ" ในประโยค
- ในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ อย่าลืมว่าฆ่าช้างจะเอางา คนเจรจาจะเอาถ้อยคำ เราต้องมุ่งเน้นให้ได้ข้อตกลงที่ชัดเจน
- ผู้เจรจาที่ดีต้องรู้หลักฆ่าช้างจะเอางา คนเจรจาจะเอาถ้อยคำ คือมุ่งไปที่สาระสำคัญ ไม่พูดวกวนจนลืมประเด็นหลัก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี