การทำการแก้ปัญหาเรื่องราวหนึ่งโดยเร่งด่วนเพื่อให้เหตุการณ์นั้นสามารถผ่านไปได้ก่อน โดยการแก้ปัญหานั้นจะเป็นลักษณะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนไม่มีความสมบูรณ์นัก
ทำอย่างขอไปทีไม่ได้อย่างนี้ก็เอาอย่างนั้นเข้าแทนเพื่อให้ลุล่วงก็ไป
ทำอย่างขอไปที ไม่ได้อย่างนี้ก็เอาอย่างนั้นเพื่อให้เสร็จ ๆ ไป
ประเภทสำนวน
"จับแพะชนแกะ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงและไม่ใช่วลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการนำสัตว์สองชนิดที่แตกต่างกัน คือแพะกับแกะ มาปะทะกัน โดยสื่อถึงการนำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาปะปนกัน หรือนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องมารับผิดแทนกัน เปรียบเหมือนการนำแพะซึ่งเป็นสัตว์หนึ่งมาชนกับแกะซึ่งเป็นอีกสัตว์หนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แสดงถึงการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จับแพะชนแกะ" ในประโยค
- ผู้จัดการไม่ชอบการทำงานของพนักงานใหม่ แต่กลับมาดุฉันแทน นี่มันจับแพะชนแกะชัดๆ
- เขาทำงานผิดพลาด แต่กลับให้เพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้เรื่องมารับผิดชอบแทน เป็นการจับแพะชนแกะที่ไม่ยุติธรรมเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"จับแพะชนแกะ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ต้องแปลความเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบถึงการนำเรื่องหนึ่งไปปะปนหรือกล่าวโทษอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือการกล่าวโทษผู้หนึ่งในความผิดของอีกผู้หนึ่ง เหมือนการนำสัตว์สองชนิด คือแพะกับแกะ ซึ่งแม้จะมีลักษณะคล้ายกันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน มาปะปนหรือโยงกันอย่างไม่สมเหตุสมผล
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จับแพะชนแกะ" ในประโยค
- เธอมาโกรธฉันเรื่องงานที่แผนกอื่นทำผิดพลาด นี่มันจับแพะชนแกะชัดๆ เลยนะ
- ผู้กำกับละครเรื่องนี้จับแพะชนแกะ เอาเหตุการณ์ในรัชกาลที่ 5 ไปปนกับยุคสมัยรัชกาลที่ 4 ทำให้เนื้อเรื่องผิดประวัติศาสตร์
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"จับแพะชนแกะ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ได้มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง และมีโครงสร้างเป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับสัตว์ที่ดูคล้ายกันแต่เป็นคนละชนิด คือ แพะกับแกะ การจับสัตว์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาชนกัน เปรียบเหมือนการนำเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาปะปนกัน ทำให้สับสน ไม่ตรงประเด็น หรือนำมาโยงกันทั้งที่เป็นคนละเรื่องกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จับแพะชนแกะ" ในประโยค
- เขาพยายามอธิบายเหตุผลที่มาสายโดยพูดถึงรถติด แล้วโยงไปถึงการนอนตื่นสาย นี่มันจับแพะชนแกะชัดๆ
- การที่ผู้จัดการนำปัญหาเรื่องยอดขายตกมาเชื่อมโยงกับการที่พนักงานขอลาพักร้อน เป็นการจับแพะชนแกะ เพราะสองเรื่องไม่เกี่ยวข้องกันเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี