พูด/ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยเอาเจ้าของเรื่องเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างไม่รู้ตัว
พูดหรือทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งบังเอิญไปโดนเอาเจ้าตัวหรือผู้ที่เป็นเจ้าของเรื่องนั้นเข้าโดยผู้พูดหรือผู้ทําไม่รู้ตัว
พูดหรือทำบังเอิญไปโดนเจ้าของเรื่องโดยผู้พูดนั้นไม่รู้ตัว
ประเภทสำนวน
"จุดไต้ตำตอ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถเข้าใจได้จากการแปลความหมายตรงตัว ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่การเปรียบเทียบเชิงพฤติกรรมแบบคำพังเพย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการจุดไฟที่ตอไม้ ซึ่งตอไม้คือส่วนของต้นไม้ที่เหลืออยู่หลังจากตัดต้นไม้ออกไปแล้ว เมื่อจุดไฟที่ตอไม้แห้ง ไฟจะค่อยๆ ลุกไหม้และยาวนาน เปรียบเหมือนการพูดจาส่อเสียด ยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก หรือทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จุดไต้ตำตอ" ในประโยค
- เขาชอบจุดไต้ตำตอให้เพื่อนร่วมงานทะเลาะกัน จนตอนนี้ไม่มีใครอยากคบด้วย
- อย่าไปจุดไต้ตำตอให้พี่น้องเขาแตกคอกันเลย เรื่องมันจบไปแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"จุดไต้ตำตอ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่เพียงวลีเฉพาะแบบสำนวนไทยทั่วไป แต่เป็นการเปรียบเปรยการกระทำบางอย่างกับการจุดไฟส่องตอไม้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการจุดไฟ (ไต้) เพื่อส่องดูตอไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟส่อง เปรียบเหมือนการอธิบายหรือชี้แจงสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วให้ยืดยาว เป็นการกระทำที่เกินความจำเป็นและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มเติม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จุดไต้ตำตอ" ในประโยค
- เขาอธิบายวิธีใช้มือถือให้คนรุ่นใหม่ฟังอย่างละเอียดยืดยาว ก็เหมือนจุดไต้ตำตอเท่านั้นเอง เพราะคนรุ่นใหม่รู้วิธีใช้ดีอยู่แล้ว
- การที่อาจารย์ต้องมาอธิบายเรื่องง่ายๆ ซ้ำไปซ้ำมาให้นักศึกษาปีสุดท้าย เปรียบเสมือนการจุดไต้ตำตอ เสียเวลาโดยใช่เหตุ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"จุดไต้ตำตอ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะในภาษาไทย หากแปลตรงตัวจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการจุดไต้ (ไม้ขีดไฟหรือเทียนไขที่จุดให้เกิดไฟ) บนตำตอ (ตอไม้) ซึ่งเป็นวัสดุที่ติดไฟได้ง่าย เปรียบเหมือนการทำให้คนที่มีอารมณ์พร้อมจะโกรธหรือโมโหอยู่แล้ว ให้โกรธหรือระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการยั่วยุ หรือพูดในสิ่งที่ทำให้คนนั้นโกรธมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "จุดไต้ตำตอ" ในประโยค
- หมอนั่นกำลังโกรธ เธออย่าไปจุดไต้ตำตอให้เขาโมโหหนักกว่าเดิม
- พอรู้ว่าแฟนเขากำลังโกรธเรื่องงาน แทนที่จะปลอบ กลับไปพูดเรื่องที่เขาทำงานผิดพลาด นี่มันจุดไต้ตำตอชัดๆ
- ตอนนี้คุณพ่อกำลังอารมณ์ไม่ดี ใครไปพูดเรื่องค่าเทอมขึ้นก็เหมือนจุดไต้ตำตอเลยนะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี