จะทำอะไรก็ทำอย่างมีสติ รอบคอบ แม้จะช้าไปบ้างก็ได้ผลดี แต่ถ้าทำอย่างรีบร้อน ไม่พินิจพิเคราะห์ให้ดีก่อน อาจผิดพลาดเสียหายได้ง่าย
ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม
ประเภทสำนวน
"ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเรื่องการทำงานด้วยความรอบคอบจะได้ผลดี ส่วนการรีบร้อนอาจเกิดความผิดพลาด ข้อความมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และให้คำสอนที่ชัดเจน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้คนรู้จักความรอบคอบ ไม่รีบร้อนในการทำสิ่งต่างๆ 'พร้า' เป็นมีดขนาดใหญ่ที่ใช้ในการถางป่าหรือตัดไม้ ความหมายคือ การทำงานช้าๆ อย่างพิถีพิถัน จะได้ผลงานดี (พร้าสองเล่มงาม) แต่ถ้าทำงานรีบร้อน ด่วนจนเกินไป แม้จะได้ปริมาณมาก (สามเล่ม) แต่มักเกิดข้อผิดพลาด (ผลามมักพลิกแพลง)
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง" ในประโยค
- ในการทำงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ช่างมักสอนลูกศิษย์ว่า 'ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง' เพราะงานประณีตต้องใช้เวลาและความตั้งใจ
- เธอจะรีบส่งรายงานวันนี้ทั้งที่ยังทำไม่เสร็จดีทำไม จำไว้นะว่า 'ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง' ยังมีเวลาอีกสองวันก็ทำให้ดีก่อนส่งดีกว่า
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี