คนที่รู้อะไรด้านเดียว แล้วเข้าใจแต่อย่างนั้น สิ่งนั้น
ประเภทสำนวน
"ตาบอดคลำช้าง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเปรียบเทียบเพื่อสื่อความหมายแฝง เป็นการเปรียบเปรยถึงการที่คนขาดความรู้ความเข้าใจอย่างรอบด้าน แล้วด่วนสรุปสิ่งต่างๆ จากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ต้องตีความเพิ่มเติมจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากนิทานเรื่องคนตาบอดหลายคนที่คลำช้างคนละส่วน แล้วต่างคนต่างก็สรุปว่าช้างมีลักษณะเป็นอย่างที่ตนคลำเจอ เช่น คนที่คลำงวงบอกว่าช้างเหมือนงู คนที่คลำหูบอกว่าช้างเหมือนพัด คนที่คลำขาบอกว่าช้างเหมือนเสา ทำให้เกิดการโต้เถียงกันเพราะต่างคนต่างเข้าใจช้างไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่กลับสรุปว่าตนรู้ทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตาบอดคลำช้าง" ในประโยค
- การแก้ปัญหาสังคมแบบมองเพียงมุมเดียวโดยไม่เข้าใจปัญหาทั้งระบบนั้น เหมือนกับตาบอดคลำช้าง
- ตอนนี้พวกนักวิจารณ์ที่ไม่ได้เห็นข้อมูลทั้งหมดแต่รีบด่วนสรุปก็เหมือนตาบอดคลำช้าง เพราะพวกเขาไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดของโครงการ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี