ลงทุนไปโดยได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มทุน, ใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์, เสียทรัพย์ไปโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร
ลงทุนไปโดยได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มทุน, ใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์, เสียทรัพย์จำนวนมากไปโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร
การลงทุนที่สูญเปล่า ไม่เกิดประโยชน์
ประเภทสำนวน
"ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และมีความหมายเชิงเปรียบเปรยถึงการกระทำที่สิ้นเปลือง ฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบการนำน้ำพริกซึ่งเป็นเครื่องปรุงอาหารที่มีรสจัด เมื่อนำไปละลายในแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ย่อมจืดจางหายไปไม่มีประโยชน์ เปรียบเสมือนการลงทุนลงแรงที่มากเกินความจำเป็น เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ หรือเป็นการทำสิ่งที่เกินความจำเป็นโดยไม่ได้ประโยชน์คุ้มค่า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ในประโยค
- โครงการปรับปรุงสนามหญ้าในสวนสาธารณะที่ไม่มีใครค่อยไปใช้ เป็นเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะใช้งบประมาณมหาศาลแต่ไม่คุ้มค่า
- อย่าไปเสียเวลาสอนคอมพิวเตอร์ให้คุณยายที่อายุ 90 ปีหรอก เธอคงจำไม่ได้และไม่ได้ใช้ มันเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความหมายชัดเจน สอนไม่ให้ทำสิ่งที่สูญเปล่าหรือไร้ประโยชน์ มีลักษณะเป็นข้อคิดที่เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องตีความมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นสุภาษิตที่อุปมาถึงการกระทำที่สูญเปล่า ไร้ประโยชน์ เสียเวลาและทรัพยากรโดยใช่เหตุ เนื่องจากการนำน้ำพริกซึ่งควรเป็นเครื่องปรุงรสชาติอาหารที่มีค่า ไปละลายในแม่น้ำ ทำให้เจือจางจนไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เปรียบเสมือนการลงแรงทำสิ่งใดที่ไม่เกิดผลคุ้มค่ากับความพยายาม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ในประโยค
- บริษัทนำเงินไปลงทุนโฆษณาในช่องทางที่ไม่มีคนดู เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียเงินเปล่าไม่ได้ลูกค้าเลย
- การพยายามสอนคนที่ไม่ตั้งใจฟังหรือไม่มีความสนใจ ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียแรงเปล่าโดยไร้ประโยชน์
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเทียบพฤติกรรมการกระทำที่เสียเปล่าหรือไม่คุ้มค่า ต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบการนำน้ำพริกซึ่งทำด้วยเครื่องปรุงหลายอย่าง ต้องใช้เวลาและความพยายามในการทำ แต่กลับนำไปละลายในแม่น้ำที่มีน้ำมาก ทำให้น้ำพริกจืดหายไป ไม่เหลือรสชาติให้รับประทาน เปรียบเหมือนการทุ่มเททรัพยากรหรือความพยายามไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือให้ผลตอบแทนน้อยมากจนแทบไม่มีค่า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ในประโยค
- คุณพ่อบอกว่าการซื้อรถหรูราคาแพงทั้งที่ใช้งานไม่คุ้มค่า เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
- การส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งที่ลูกไม่ตั้งใจเรียน แค่อยากไปเที่ยว ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียเงินเปล่าๆ
- โครงการพัฒนาหมู่บ้านครั้งนี้ ถ้าไม่มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ก็คงเป็นแค่การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเท่านั้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี