ประเภทสำนวน
"ติดไม้ติดมือ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีสั้นๆ ที่มีความหมายเฉพาะ ไม่สามารถเข้าใจได้จากการแปลตรงตัว ต้องตีความเพื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (จึงไม่ใช่สุภาษิต) และไม่ได้เปรียบเทียบอะไรชัดเจน (จึงไม่ใช่คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการที่คนทำงานเสร็จแล้วเกิดหยิบเอาเครื่องมือหรือวัสดุอุปกรณ์กลับบ้านไป โดยที่ไม่ได้ตั้งใจขโมย แต่เป็นเพราะเคยชินกับการใช้เครื่องมือนั้น จึงหยิบติดมือไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันใช้ในความหมายว่าการที่คนเผลอหยิบฉวยเอาสิ่งของของผู้อื่นไปโดยไม่ได้มีเจตนาขโมย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ติดไม้ติดมือ" ในประโยค
- แม่บ้านคนใหม่ดูดีนะ แต่ระวังหน่อย เพราะบางทีเธอชอบเอาของในบ้านเราติดไม้ติดมือกลับไปที่ห้องด้วย
- ผมไปงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อน เห็นหนังสือเล่มที่หายากมากวางอยู่ เลยขอยืมมาอ่าน ไม่ได้ติดไม้ติดมือเอามาโดยไม่บอกเขานะ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี