การจะทำอะไรให้รีบทำในช่วงจังหวะที่ยังเหมาะสมแก่วัยและเวลา
เร่งรัดเกินไปในเวลาที่ยังไม่เหมาะสม
ประเภทสำนวน
"ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่มีลักษณะเปรียบเปรยถึงการทำสิ่งต่างๆ ไม่ถูกกาลเทศะ มีความหมายแฝงที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะแบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึงการทำอะไรผิดเวลา ไม่ถูกจังหวะหรือไม่เหมาะสมกับช่วงเวลา โดย 'ตื่นแต่ดึก' คือตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาตื่น ส่วน 'สึกแต่หนุ่ม' คือลาสิกขาจากการบวชตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งในสมัยก่อนพระภิกษุมักบวชจนแก่หรืออย่างน้อยก็บวชเป็นเวลานาน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม" ในประโยค
- พี่ชายฉันอายุเพิ่งจะ 25 แต่เริ่มวางแผนเกษียณแล้ว ทุกคนในครอบครัวบอกว่าเขาตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม
- คุณแม่บ่นว่าน้องสาวคิดจะแต่งงานตั้งแต่อายุ 18 เรียนยังไม่จบเลย แบบนี้ก็ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่มเกินไป
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความหมายชัดเจนในตัวเอง ให้ข้อคิดเรื่องการเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ประสบความสำเร็จ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้รู้จักทำอะไรแต่เนิ่นๆ ไม่รอให้สายเกินไป โดยใช้การเปรียบเทียบจากชีวิตประจำวัน คือ การตื่นแต่เช้ามืด (ดึก) และการบวชเรียนตั้งแต่ยังหนุ่ม ซึ่งแสดงถึงการเตรียมพร้อม วางแผนชีวิต และใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รอให้สายเกินแก้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม" ในประโยค
- นักเรียนควรตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม คือเตรียมตัวอ่านหนังสือเตรียมสอบตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่รอจนใกล้สอบแล้วค่อยมาอ่านทบทวน
- คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนยึดหลักตื่นแต่ดึก สึกแต่หนุ่ม คือไม่รอให้อะไรสายเกินไป
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี