มากเรื่องมากราวโต้กันไปโต้กันมา ไม่รู้จักจบจักสิ้นพูดกันไปพูดกันมาจนไม่จบไม่สิ้นเสียที สนทนาเถียงกัน จนเรื่องราวไม่ได้จบลงเสียที
เช่น นายกับฉันคุยเรื่องนี้เถียงกันไปมานานแล้วนะ ฉันไม่อยากจะ ต่อความยาวสาวความยืด อีกต่อไปแล้ว จบนะ !!!
ประเภทสำนวน
"ต่อความยาว สาวความยืด" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยที่มีความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่คำหรือวลีที่แปลตรงตัวไม่ได้แบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการทอผ้า เมื่อผ้าหด คนทอจะต้องดึงออกให้ยืด ถ้าสั้นไปก็ต่อให้ยาวออก หมายถึงการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ตามความเหมาะสม หรือการใช้จ่ายหรือดำเนินชีวิตอย่างพอเหมาะพอดีตามฐานะ ไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป หรือไม่ขัดสนจนเกินไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ต่อความยาว สาวความยืด" ในประโยค
- พี่เขาเพิ่งเริ่มทำงาน เงินเดือนยังไม่มาก ก็ต้องต่อความยาว สาวความยืดไปก่อน ยังไม่ต้องรีบซื้อรถหรูหรือคอนโดหรอก
- การทำธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ต้องรู้จักต่อความยาว สาวความยืด เน้นลดต้นทุนและพยายามประคองให้อยู่รอด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี