ละพยศ, ละความเก่งกาจ, เลิกแสดงฤทธิ์แสดงอำนาจอีกต่อไปลดความอันตรายความทะเยอทะยานลง
ละพยศ,ละความดุหรือร้ายกาจ,เลิกแสดงฤทธิ์แสดงอำนาจอีกต่อไป
ประเภทสำนวน
"ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายได้ตรงตัว ต้องตีความเป็นความหมายพิเศษ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่ม (คำพังเพย)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบกับสัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวและเล็บเป็นอาวุธ เมื่อถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บออกไปก็จะหมดพิษหมดอำนาจ ไม่สามารถทำอันตรายได้ หมายถึงการทำให้ผู้ที่มีอำนาจหรือมีอิทธิพลหมดอำนาจลง ไม่สามารถก่อความเดือดร้อนหรือคุกคามผู้อื่นได้อีกต่อไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" ในประโยค
- รัฐบาลออกกฎหมายใหม่เพื่อถอดเขี้ยวถอดเล็บนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่
- หลังจากที่บริษัทใหญ่ถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บโดยคณะกรรมการป้องกันการผูกขาด ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสแข่งขันมากขึ้น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายพิเศษ ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ ต้องเข้าใจความหมายเฉพาะที่ใช้กันในภาษาไทย หากแปลตรงตัวจะทำให้เข้าใจผิด
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของสัตว์ที่มีเขี้ยวและเล็บซึ่งเป็นอาวุธสำคัญในการล่าเหยื่อหรือป้องกันตัว เมื่อถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บออกไปก็จะหมดพลังอำนาจหรืออิทธิพล ไม่สามารถทำอันตรายหรือต่อสู้ได้อีกต่อไป สำนวนนี้จึงหมายถึง การทำให้ผู้อื่นหมดอำนาจหรือลดทอนความสามารถที่จะทำอันตรายหรือขัดขวางได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" ในประโยค
- หลังจากที่ผู้บริหารคนเก่าถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บด้วยการลดอำนาจการตัดสินใจลง ทำให้ไม่สามารถควบคุมฝ่ายต่างๆ ได้เหมือนเดิม
- รัฐบาลพยายามถอดเขี้ยวถอดเล็บกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่นด้วยการออกกฎหมายใหม่
- การแก้กฎหมายครั้งนี้เป็นการถอดเขี้ยวถอดเล็บองค์กรอิสระที่เคยมีอำนาจในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่ต้องตีความแฝง ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จากการแปลตรงตัว เพราะไม่ได้หมายถึงการถอดเขี้ยวหรือเล็บจริงๆ แต่หมายถึงการลดทอนอำนาจหรือลดความสามารถที่จะทำร้ายผู้อื่น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากสัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวและเล็บเป็นอาวุธหลักในการล่าเหยื่อหรือป้องกันตัว เช่น เสือ สิงโต หากถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บออกไป ก็จะหมดพิษสงและไม่สามารถทำอันตรายใครได้ เปรียบเหมือนการทำให้คนที่มีอำนาจหรือมีความสามารถที่จะทำร้ายผู้อื่นสูญเสียอำนาจหรือความสามารถนั้นไป
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" ในประโยค
- รัฐบาลออกกฎหมายใหม่เพื่อถอดเขี้ยวถอดเล็บนักการเมืองที่ทุจริต ไม่ให้สามารถกลับมามีอำนาจได้อีก
- กฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้า มีไว้เพื่อถอดเขี้ยวถอดเล็บบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ให้เอาเปรียบผู้ประกอบการรายเล็ก
- การประท้วงของประชาชนครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บ จนต้องยอมถอนร่างกฎหมายที่เป็นปัญหา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี