เมื่อมีผลออกมา มันต้องมีเหตุแน่ ๆ
ประเภทสำนวน
"ถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่มีความหมายชัดเจน ให้ข้อคิดโดยตรงเกี่ยวกับเหตุและผล มีความสมบูรณ์ในตัวเอง และเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังสอนเรื่องการมีเหตุย่อมมีผลเสมอ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีความหมายตรงตามธรรมชาติ คือควันจะเกิดขึ้นได้ต้องมีไฟเป็นต้นเหตุ ใช้เปรียบเทียบว่าเรื่องราวหรือข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นย่อมมีมูลความจริงบางอย่างอยู่เสมอ ไม่มีเรื่องใดที่จะเกิดขึ้นลอยๆ โดยไม่มีสาเหตุ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน" ในประโยค
- มีคนเห็นเขาสองคนไปด้วยกันบ่อยๆ ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ก็เริ่มแพร่สะพัด แม่บอกว่าถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน คงต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนแน่ๆ
- ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงการทุจริตในโครงการนี้ ผู้บริหารมักปฏิเสธ แต่ฉันเชื่อว่าถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี