เมื่อนอนในที่สูง ถ้านอนคว่ำ อะไรผ่านไปผ่านมาข้างล่างก็มองเห็นหมด และเมื่อนอนในที่ต่ำ ถ้านอนหงาย อะไรผ่านไปผ่านมาข้างบนก็มองเห็นหมด
ถ้านอนต่ำแล้วนอนคว่ำหน้าจะจดพื้น มองไม่เห็นอะไร
ประเภทสำนวน
"นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่เข้าใจได้ทันที มีลักษณะเป็นคำแนะนำและข้อควรปฏิบัติในการดำเนินชีวิต โดยมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ต้องอาศัยการตีความมากนัก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นสุภาษิตที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการนอนให้ปลอดภัย ถ้านอนบนที่สูง (เช่น เตียง) ให้นอนคว่ำเพื่อป้องกันการพลัดตก ส่วนถ้านอนบนพื้นหรือที่ต่ำ ให้นอนหงายเพื่อสะดวกและปลอดภัย เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สอนวิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย" ในประโยค
- คุณยายมักสอนหลานๆ เสมอว่า 'นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย' เพื่อความปลอดภัยในยามค่ำคืน
- ในสมัยโบราณที่บ้านเรือนไทยมีใต้ถุนสูง ผู้ใหญ่จะสอนเด็กๆ ว่า 'นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย' เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี