คำสุภาษิต นายว่า ขี้ข้าพลอย, นายว่าขี้ข้าพลอย
ดูเนื้อหาของทั้ง 2 คำ ตามด้านล่าง
ลักษณะของคนเลว ไร้ความรู้ ถ้าเจ้านายว่าอย่างไร ก็มักจะพลอยประสมโรงซ้ำเติมด้วย
ประเภทสำนวน
"นายว่า ขี้ข้าพลอย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของผู้คนที่คล้อยตามผู้อื่นโดยขาดการคิดพิจารณาด้วยตนเอง มีลักษณะเป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การที่คนผู้น้อยหรือลูกน้องพูดหรือทำอะไรตามนายหรือเจ้านายไปเสียทุกอย่าง โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองด้วยตนเอง ซึ่งเป็นพฤติกรรมการประจบเอาใจหรือเห็นด้วยโดยไร้เหตุผล เพียงเพราะต้องการให้ตนเป็นที่ยอมรับจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นายว่า ขี้ข้าพลอย" ในประโยค
- ในที่ประชุม เมื่อผู้อำนวยการพูดว่าแผนงานนี้ดี ลูกน้องก็พากันเห็นด้วยหมด นี่มันแบบนายว่า ขี้ข้าพลอยชัดๆ
- การที่พวกเราเห็นด้วยกับทุกความคิดของหัวหน้าโดยไม่กล้าแสดงความเห็นที่แตกต่าง เป็นลักษณะของนายว่า ขี้ข้าพลอย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อองค์กรในระยะยาว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามนายไปด้วย.
พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามนายไปด้วย
พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามเจ้านาย
ประเภทสำนวน
"นายว่าขี้ข้าพลอย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมของคนที่คล้อยตามผู้อื่นโดยไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องตีความเพิ่มเติมและไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวในสมัยก่อน เมื่อนายหรือผู้เป็นใหญ่กล่าวหรือแสดงความคิดเห็นอย่างไร คนที่เป็นบ่าวหรือลูกน้องก็มักจะเห็นด้วยและพูดสนับสนุนความคิดนั้นโดยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อให้นายพอใจ แม้ในใจอาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นายว่าขี้ข้าพลอย" ในประโยค
- การประชุมครั้งนี้ไม่มีใครกล้าแย้งความคิดของผู้อำนวยการเลย พอเขาบอกว่าเห็นด้วยกับโครงการนี้ ทุกคนก็นายว่าขี้ข้าพลอยหมด
- ถึงคุณจะเป็นหัวหน้า แต่คุณควรรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องบ้าง อย่าให้ทีมของคุณเป็นแบบนายว่าขี้ข้าพลอย เพราะจะไม่เกิดการพัฒนา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"นายว่าขี้ข้าพลอย" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร ต้องตีความเป็นพิเศษ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบที่มีนัยแฝง (คำพังเพย) แต่เป็นถ้อยคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมเฉพาะหนึ่งๆ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การที่ผู้น้อยหรือลูกน้องเห็นด้วยและพูดคล้อยตามผู้ใหญ่หรือนายทุกเรื่อง โดยไม่กล้าคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง เพียงเพื่อเอาใจหรือประจบประแจง มาจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับข้า (ผู้รับใช้) ในสมัยก่อน ที่ข้ารับใช้มักจะต้องพูดเออออห่อหมกตามนายของตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นายว่าขี้ข้าพลอย" ในประโยค
- ในที่ประชุมเมื่อผู้อำนวยการพูดอะไร คุณสมศักดิ์ก็มักจะเห็นด้วยทุกเรื่อง ทำตัวเป็นนายว่าขี้ข้าพลอยแบบนี้ คงไม่มีใครอยากร่วมงานด้วยหรอก
- พวกเราควรเสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ทำตัวเป็นนายว่าขี้ข้าพลอย เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาผู้บริหาร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"นายว่าขี้ข้าพลอย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่คล้อยตามผู้อื่นโดยไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงเข้าข่ายเป็นคำพังเพย ที่มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวหรือข้าทาส ในสมัยก่อน โดยข้าทาสมักจะเอาใจนายหรือคล้อยตามความคิดเห็นของนายเสมอ เพราะกลัวความผิดหรือต้องการให้นายพอใจ จนเป็นลักษณะของคนที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง และเห็นด้วยกับผู้มีอำนาจเหนือกว่าไปเสียทุกเรื่อง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "นายว่าขี้ข้าพลอย" ในประโยค
- เขาไม่เคยมีความคิดเป็นของตัวเอง นายว่าขี้ข้าพลอย จะให้ทำอะไรก็ทำตามไปหมด
- การประชุมครั้งนี้ทุกคนเห็นด้วยกับหัวหน้าแผนกหมด เป็นนายว่าขี้ข้าพลอย ไม่มีใครกล้าแย้ง แม้จะรู้ว่าแผนงานมีปัญหา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี