เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น ก็อย่าไปขัดขวาง จะได้รับอันตราย
เพราะตอนนี้ตนอยู่ในระยะหน้าสิ่วหน้าขวาน คนเรามักไม่มีเหตุผลดุจนน้ำเชี่ยว ถ้าเอาเรือไปขวาง เรือก็จะล่ม
ประเภทสำนวน
"น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนชัดเจนว่าอย่าทำอะไร (อย่าขวางเรือ) ในสถานการณ์อันตราย (น้ำเชี่ยว) มีลักษณะเป็นคำเตือนหรือคำสอนโดยตรงที่ให้ข้อคิดเพื่อความปลอดภัย ฟังแล้วเข้าใจความหมายได้ทันที
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มาจากการสังเกตธรรมชาติของสายน้ำและการเดินเรือ เมื่อน้ำไหลเชี่ยวกราก การขวางเรือขวางกระแสน้ำจะทำให้เรือพลิกคว่ำหรือประสบอันตรายได้ง่าย จึงนำมาเปรียบเทียบกับการดำเนินชีวิต สอนให้รู้จักหลีกเลี่ยงการขัดแย้งหรือต่อต้านผู้มีอำนาจหรือสถานการณ์ที่รุนแรงในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ" ในประโยค
- ช่วงที่ผู้บริหารกำลังโกรธเรื่องผลประกอบการ น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ เธอควรรอให้ท่านอารมณ์ดีก่อนค่อยเสนอโครงการใหม่
- ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ เราควรรอให้สถานการณ์สงบก่อนแล้วค่อยเรียกร้องสิทธิ์
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี