ประเภทสำนวน
"บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรงเกี่ยวกับหลักการดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี มีความหมายชัดเจนไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และมีลักษณะเป็นคำสอนสำเร็จรูปในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นสุภาษิตที่เปรียบการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น โดยเปรียบดอกบัวที่เติบโตอยู่ในน้ำ ทั้งบัวและน้ำต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดอกบัวไม่ควรช้ำ และน้ำก็ไม่ควรขุ่น เปรียบเสมือนการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมที่ควรระมัดระวังไม่ให้กระทบกระทั่งกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น" ในประโยค
- ถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เธอก็พยายามพูดอย่างนุ่มนวล บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น จนทุกคนยอมรับข้อเสนอได้
- การทำงานกับคนหลายฝ่ายต้องรู้จักบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น จึงจะประสบความสำเร็จได้
- พ่อแม่สอนเสมอว่าให้รู้จักบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เวลามีปัญหากับญาติพี่น้อง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี