คนที่อยู่ร่วมกัน ถ้าคนหนึ่งไปทำชั่ว ทำไม่ดีไว้ ก็จะพลอยทำให้คนอื่นเสียหายไปด้วย
ประเภทสำนวน
"ปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พาตัวอื่นพลอยเหม็นไปด้วย" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเปรยเกี่ยวกับพฤติกรรมคน ไม่ใช่คำสอนโดยตรง แต่ใช้อุปมาอุปไมยให้ต้องตีความ ผู้ฟังต้องทำความเข้าใจความหมายแฝงและนำไปประยุกต์ใช้เอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากลักษณะของการเก็บปลา หากเก็บปลาไว้รวมกันในข้องหรือที่ใส่ปลาเดียวกัน เมื่อปลาตัวหนึ่งเน่า กลิ่นเหม็นก็จะแพร่กระจายไปติดปลาตัวอื่นๆ ทั้งหมด สื่อถึงการที่คนในกลุ่มเดียวกันหรือคนที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน หากมีคนใดคนหนึ่งทำความผิดหรือมีความประพฤติเสียหาย ก็อาจทำให้คนอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พาตัวอื่นพลอยเหม็นไปด้วย" ในประโยค
- นักเรียนคนเดียวลอกข้อสอบแล้วถูกจับได้ ครูเลยปรับว่าทั้งห้องทุจริต ทำให้เพื่อนๆ กลายเป็นปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พาตัวอื่นพลอยเหม็นไปด้วย
- พนักงานในแผนกคนหนึ่งรับสินบน เมื่อถูกจับได้ ผู้บริหารเลยสั่งตรวจสอบทั้งแผนก ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาและถูกมองในแง่ลบ นี่คือกรณีของปลาข้องเดียวกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พาตัวอื่นพลอยเหม็นไปด้วย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี