ปากคนนั้นพูดเล่าลือต่อปากกันไปได้ไกล
ตามปรกติปากของอีกายาวกว่าปากคน แต่ปากคนนั้นพูดเล่าลือต่อปากกันไปได้ไกล ผิดกับกาแม้ปากจะยาว แต่ก็ต่อปากต่อคำอย่างคนไม่ได้
ประเภทสำนวน
"ปากคนยาวกว่าปากกา" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง 'ปากคน' กับ 'ปากกา' เพื่อสื่อความหมายแฝง ไม่ใช่คำสอนโดยตรง แต่ต้องตีความว่าเปรียบเทียบถึงอำนาจของคำพูดที่สามารถบิดเบือนหรือแพร่กระจายได้มากกว่าสิ่งที่เขียนไว้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้สะท้อนให้เห็นว่าคำพูดที่ถูกเล่าต่อกันปากต่อปากนั้นมักจะถูกบิดเบือนหรือเพิ่มเติมรายละเอียดมากกว่าสิ่งที่เขียนไว้ด้วยปากกา ซึ่งคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คำพูดมีพลังในการแพร่กระจายได้เร็วและไกลกว่าตัวหนังสือ สามารถส่งต่อได้โดยไม่มีหลักฐานและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ปากคนยาวกว่าปากกา" ในประโยค
- เรื่องเธอทะเลาะกับผู้จัดการถูกเล่าสู่กันฟังจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ จริงๆ มันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แต่ปากคนยาวกว่าปากกาจริงๆ
- ข่าวลือเรื่องการปิดกิจการของห้างสรรพสินค้าแพร่สะพัดไปทั่วเมือง ทั้งที่ทางห้างยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเลย นี่แหละที่เขาว่าปากคนยาวกว่าปากกา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี