ชอบแสดงตัวตนว่าเป็นคนมีศีล มีธรรม แต่ทำความเลวเป็นนิจ
ประเภทสำนวน
"มือถือสาก ปากถือศีล" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันระหว่างการกระทำกับคำพูด ไม่ได้เป็นคำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
หมายถึง คนที่พูดดีแต่การกระทำไม่สอดคล้องกับคำพูด เช่น พูดสอนคนอื่นให้ทำความดี แต่ตนเองกลับทำแต่สิ่งไม่ดี เปรียบเปรยจากภาพของคนที่ปากพูดถึงการรักษาศีล แต่มือกลับถือสากซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตำข้าวหรือทำร้ายผู้อื่นได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "มือถือสาก ปากถือศีล" ในประโยค
- นักการเมืองคนนั้นชอบพูดเรื่องความซื่อสัตย์และต่อต้านการทุจริต แต่กลับโกงภาษีประชาชน นี่แหละคือมือถือสาก ปากถือศีล
- แม่ค้าคนนี้เป็นคนที่มือถือสาก ปากถือศีล พูดว่าขายของคุณภาพดี ไม่โกงตาชั่ง แต่พอลูกค้าไม่ดู กลับเอานิ้วกดตาชั่งทุกครั้ง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี