รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

คำสุภาษิต

หมายถึง การศึกษาหาความรู้ไว้ ยิ่งมากยิ่งดี เพราะการมีความรู้มาก ไม่เหมือนการแบกข้าวแบกของ ซึ่งจะรู้สึกว่าหนักบ่า

หมายเหตุ มีความรู้มิได้หนักบ่าหนักแรงอะไร ความรู้ที่เวลานี้เราคิดว่าไม่มีประโยชน์ วันหน้าอาจเห็นคุณค่าของมันก็ได้

หมายถึง เรียนรู้ไว้ไม่หนักเรี่ยวหนักแรงหรือเสียหายอะไร

ประเภทสำนวน

"รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า สุภาษิตเพราะเป็นคำสอนโดยตรง มีความชัดเจนในการให้คำแนะนำหรือข้อคิดที่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

มีที่มาจากแนวคิดว่าความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีน้ำหนัก ไม่เป็นภาระให้ต้องแบกหาม แต่กลับเป็นประโยชน์เมื่อจำเป็นต้องใช้ จึงสอนให้คนแสวงหาความรู้ไว้ให้มาก เพราะความรู้ไม่เคยเป็นของหนักหรือเป็นภาระ แต่จะช่วยให้เราแก้ปัญหาได้เมื่อเผชิญสถานการณ์ต่างๆ

ตัวอย่างการใช้สำนวน "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" ในประโยค

  • คุณปู่มักจะสอนเสมอว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ลูกหลานควรเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไว้เยอะๆ
  • การเรียนภาษาต่างประเทศหลายๆ ภาษาไว้ก็ดี รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม วันหนึ่งอาจมีประโยชน์เมื่อต้องทำงานกับชาวต่างชาติ
  • แม้จะเป็นความรู้นอกสาขา แต่ครูสอนเสมอว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม สักวันอาจได้ใช้โดยไม่คาดคิด

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

ประเภทสำนวน

"รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่แสดงข้อคิดชัดเจน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับคุณค่าของความรู้และการนำความรู้ไปใช้อย่างเหมาะสม มีลักษณะเป็นถ้อยคำสมบูรณ์ในตัวเอง ที่ผู้ฟังสามารถเข้าใจคำสอนได้ทันที

ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง

สุภาษิตนี้สอนว่าการที่เรามีความรู้เรื่องต่างๆ ไว้มากๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะความรู้ไม่ได้เป็นภาระให้ต้องแบกหาม แต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ความรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ไม่เปลืองที่ และเราสามารถเลือกนำความรู้ที่มีมาใช้ให้เหมาะสมกับโอกาสและสถานการณ์

ตัวอย่างการใช้สำนวน "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" ในประโยค

  • ครูมักจะสอนนักเรียนเสมอว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม แม้บางวิชาจะไม่ได้ใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต แต่ล้วนมีประโยชน์ในชีวิต
  • ฉันชอบเรียนรู้เรื่องราวหลากหลาย เพราะเชื่อว่ารู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ความรู้เหล่านี้อาจกลายเป็นประโยชน์ในยามที่เราคาดไม่ถึง

สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย

สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน

สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา

คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี

 หมายเหตุ

คำสุภาษิต หรือ สำนวนสุภาษิต คือ คำในภาษาไทยที่ใช้ในการสื่อสารเชิงเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย มักมีความหมายในการตักเตือนสั่งสอนในทางบวก มีความหมายที่ดี เช่น รักยาวให้บั่นรักสั้นให้ต่อ น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ

สำนวนไทย หมายถึง ถ้อยคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่ไม่ได้แปลความหมายตรง ๆ แต่มีความหมายเชิงเปรียบเทียบแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายนํ้า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง

คำพังเพย หมายถึง ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวเป็นกลาง ๆ เพื่อให้ตีความเข้ากับเรื่อง มีความหมายแฝงอยู่ อาจเป็นคำที่ใช้สื่อในทางเปรียบเปรย หรือในทำนองเสียดสี เช่น กระต่ายตื่นตูม เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

 ภาพประกอบรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

  • คำสุภาษิต: รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม หมายถึง?, หมายถึง การศึกษาหาความรู้ไว้ ยิ่งมากยิ่งดี เพราะการมีความรู้มาก ไม่เหมือนการแบกข้าวแบกของ ซึ่งจะรู้สึกว่าหนักบ่า หมายเหตุ มีความรู้มิได้หนักบ่าหนักแรงอะไร ความรู้ที่เวลานี้เราคิดว่าไม่มีประโยชน์ วันหน้าอาจเห็นคุณค่าของมันก็ได้ คำกริยา รู้, แบกหาม ร่างกาย บ่า คำวิเศษณ์ ใช่ว่า หมวด สุภาษิต
  • คำสุภาษิต: รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม หมายถึง?, หมายถึง เรียนรู้ไว้ไม่หนักเรี่ยวหนักแรงหรือเสียหายอะไร อวัยวะ บ่า คำกริยา รู้, แบก, หาม หมวด สุภาษิต

 คำสุภาษิตที่คล้ายกัน