ประเภทสำนวน
"ลืมตาอ้าปาก" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นข้อความที่ให้คำสอนหรือข้อคิดโดยตรงเกี่ยวกับการดำรงชีวิต มีความหมายที่ชัดเจนในตัวเอง ไม่ต้องตีความซับซ้อน มีลักษณะเป็นคำสอนถึงการเริ่มต้นชีวิตที่พออยู่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การเริ่มตั้งตัวได้ มีฐานะพอที่จะเลี้ยงชีพตนเองได้ ไม่เดือดร้อน มีความหมายในเชิงเศรษฐกิจ โดยเปรียบเทียบกับการที่คนเรา 'ลืมตา' คือตื่นขึ้นมาแล้วสามารถ 'อ้าปาก' คือหาอาหารกินได้ ไม่อดอยาก
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ลืมตาอ้าปาก" ในประโยค
- หลังจากทำงานมาห้าปี เก็บเงินได้มาก จนสามารถซื้อบ้านหลังเล็กๆ ได้ ตอนนี้เขาเริ่มลืมตาอ้าปากได้แล้ว
- กว่าที่ร้านอาหารของเราจะลืมตาอ้าปากได้ ก็ต้องทำงานหนักมาเกือบสองปีเต็มๆ
- เขาเพิ่งลืมตาอ้าปากได้ หลังจากใช้หนี้หมดก้อนใหญ่ ตอนนี้เริ่มมีเงินเก็บบ้างแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี