ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, เช่น เขาเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก บ้านไม่มีจะอยู่ เสื้อผ้าแทบไม่มีจะใส่.
ยากไร้ ขัดสนถึงที่สุด ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว
ประเภทสำนวน
"สิ้นไร้ไม้ตอก" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นสำนวนที่ต้องตีความเพราะถ้าแปลตรงตัวจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง จึงจัดเป็นสำนวนไทย ไม่ใช่สุภาษิต (ไม่ใช่คำสอนโดยตรง) หรือคำพังเพย (ไม่ได้มีลักษณะเปรียบเทียบชัดเจน)
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากการเปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่ 'ไม้ตอก' ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าน้อยมาก (ตอกเป็นไม้ไผ่เหลาบาง ๆ ใช้สานหรือเย็บสิ่งของ) คนสมัยก่อนใช้ไม้ตอกแทนเข็มหรือด้ายในการเย็บสิ่งของ เมื่อไม่มีแม้แต่ไม้ตอกก็แสดงว่ายากจนถึงที่สุด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สิ้นไร้ไม้ตอก" ในประโยค
- หลังจากเสียเงินไปกับการพนันทั้งหมด ตอนนี้เขาสิ้นไร้ไม้ตอกแล้ว ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน
- หลังน้ำท่วมใหญ่ ชาวบ้านหลายครอบครัวสิ้นไร้ไม้ตอก ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐและเอกชน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"สิ้นไร้ไม้ตอก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยที่ต้องตีความเพิ่มเติม แสดงลักษณะหรือสภาพของบุคคลที่ยากจนมากจนไม่มีอะไรเหลือ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีที่มีความหมายเฉพาะเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มาจากความเปรียบที่ว่าไม้ตอกเป็นไม้ไผ่เล็กๆ ที่ใช้ในการจักสานหรือทำเครื่องจักสาน ถือเป็นสิ่งที่มีค่าน้อยมาก แต่ก็ยังมีประโยชน์ การที่คนเราไม่มีแม้แต่ไม้ตอกซึ่งมีค่าน้อยนิด จึงแสดงให้เห็นถึงความยากจนขั้นสุดๆ ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเหลือแม้แต่ของเล็กน้อย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สิ้นไร้ไม้ตอก" ในประโยค
- หลังจากถูกโกงเงินไปหมด เขาสิ้นไร้ไม้ตอกเลยทีเดียว ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่จากศูนย์
- ครอบครัวนี้สิ้นไร้ไม้ตอกมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่ลูกๆ ขยันเรียนจนได้ดิบได้ดีกันทุกคน
- น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านหลายครัวเรือนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่เหลือทรัพย์สินอะไรเลย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี