คนเราแม้จะมีความรู้สูงอย่างนักปราชญ์ ก็อาจผิดพลาดได้เหมือนกัน ทุกคนจึงไม่ควรประมาท
แม้สัตว์สี่เท้าเช่น วัวควายซึ่งมีสี่เท้าก็ยังอาจก้าวพลาดถึงล้มลงได้ ภาษิตนี้บางทีก็มีพูดต่อไปอีกว่า “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง สองตีนโด่เด่ คงจะเซลงบ้าง”
คนเราแม้จะมีความรู้สูงอย่างนักปราชญ์ ก็อาจผิดพลาดได้เหมือนกัน ทุกคนจึงไม่ควรประมาท แม้สัตว์สี่เท้าเช่น วัวควายซึ่งมีสี่เท้าก็ยังอาจก้าวพลาดถึงล้มลงได้
สี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ก็ว่า
ประเภทสำนวน
"สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่กล่าวถึงความจริงของชีวิตที่แม้ผู้ชำนาญหรือผู้มีความรู้ก็อาจผิดพลาดได้ มีความชัดเจน เข้าใจได้ทันที ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และให้ข้อคิดเชิงคำสอนอย่างตรงไปตรงมา
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้ใช้การเปรียบเทียบระหว่างสัตว์สี่เท้าซึ่งย่อมเดินได้มั่นคงกว่ามนุษย์สองขา แต่ก็ยังสะดุดล้มได้ กับนักปราชญ์ผู้มีความรู้ที่แม้จะฉลาดเพียงใด ก็ยังพลั้งพลาดได้ เพื่อสอนให้เข้าใจว่าไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนล้วนมีโอกาสผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์มากเพียงใด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" ในประโยค
- เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมาสิบปี แต่ก็ยังตัดสินใจผิดพลาดในการลงทุนครั้งนี้ จริงอยู่ที่ว่าสี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
- อย่าตำหนิเขามากนักเลย ถึงเขาจะเป็นหมอผ่าตัดที่มีชื่อเสียง แต่สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ทุกคนก็มีวันผิดพลาดได้เหมือนกัน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิดโดยตรง มีลักษณะเป็นคำสอน ที่สมบูรณ์ในตัวเอง สอนให้รู้จักยอมรับความผิดพลาด ไม่มีลักษณะการเปรียบเปรย และสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มุ่งสอนให้บุคคลมีความอดทนอดกลั้น ไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้อื่นเมื่อเขาทำผิดพลาด เพราะแม้แต่สัตว์สี่เท้าซึ่งคล่องแคล่วว่องไวอย่างสุนัขหรือแมว ก็ยังมีการพลาดพลั้งสะดุดล้ม หรือแม้แต่นักปราชญ์ผู้มีความรู้ ก็ยังมีวันที่จะพลั้งเผลอทำผิดพลาดได้ ดังนั้นเราควรให้อภัยและไม่ถือสาหากใครบางคนทำผิดพลาด
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" ในประโยค
- คุณไม่จำเป็นต้องตำหนิลูกน้องรุนแรงขนาดนั้น สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เขาเพิ่งเริ่มงาน ยังไม่ชำนาญ
- ไม่เป็นไรหรอกลูก ถึงสอบครั้งนี้ไม่ผ่าน พ่อก็ไม่ว่าอะไร สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ใครๆ ก็พลาดได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี