อาการที่ทำลวก ๆ, อาการที่ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ
เช่น เขาทำงานสุกเอาเผากิน พอให้พ้นตัวไป
ทำลวก ๆ ทำพอเสร็จไปครั้ง ๆ หนึ่ง
อาการที่ทำอย่างเร่งรีบไม่ใส่ใจ, อาการที่ทำลวก ๆ พอให้เสร็จ
ประเภทสำนวน
"สุกเอาเผากิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยถึงลักษณะการกระทำของคนที่ทำงานแบบไม่รอบคอบ ไม่มีการวางแผน ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และมีความหมายลึกซึ้งกว่าสำนวนทั่วไป
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการทำอาหารที่รีบร้อนไม่ได้วางแผน ทำให้อาหารสุกไม่ทั่วถึง เปรียบเหมือนการทำงานหรือดำเนินชีวิตที่ขาดการเตรียมตัว วางแผน คิดไปทำไป ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย คล้ายกับการปรุงอาหารที่ด้านนอกไหม้ แต่ข้างในยังดิบไม่สุก ผลที่ได้จึงไม่ดีเท่าที่ควร
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สุกเอาเผากิน" ในประโยค
- การทำรายงานแบบสุกเอาเผากิน ส่งงานให้ทันก่อน แล้วค่อยแก้ไขทีหลัง ทำให้ผลงานออกมาไม่มีคุณภาพ
- เขาทำธุรกิจแบบสุกเอาเผากิน ไม่มีการวางแผน ไม่มีการศึกษาตลาด ลงทุนไปเลย พอธุรกิจไม่รุ่งก็ขาดทุนอย่างหนัก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"สุกเอาเผากิน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นถ้อยคำเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่รอบคอบ ทำอย่างรีบร้อน พอผ่านไปได้ก็พอ ไม่ได้ให้คำสอนโดยตรงแต่ต้องตีความ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการปรุงอาหารที่ทำอย่างรีบร้อน ไม่รอให้สุกดี เพียงแค่พอเผาไฟให้พอกินได้ ไม่ได้ใส่ใจในคุณภาพหรือรสชาติ เปรียบกับการทำงานหรือทำสิ่งต่างๆ อย่างลวกๆ ไม่ละเอียดรอบคอบ ขอให้เสร็จๆ ไป โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของผลงาน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สุกเอาเผากิน" ในประโยค
- รายงานที่เธอส่งมาดูเหมือนสุกเอาเผากินนะ ข้อมูลก็ไม่ครบ การวิเคราะห์ก็ตื้นเขิน
- การสร้างบ้านแบบสุกเอาเผากินอย่างนี้ อีกไม่กี่ปีก็ต้องซ่อมแซมใหญ่แน่ๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"สุกเอาเผากิน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่บอกถึงวิธีการทำงานที่ไม่รอบคอบ มีลักษณะเป็นคำเตือนสอนที่ชัดเจนทันที ไม่ต้องตีความต่อ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการทำอาหารโดยไม่สุก ไม่รอให้วัตถุดิบมีความพร้อม เร่งรีบทำให้เสร็จแบบขอไปที รีบ 'เอาไฟสุก' และ 'เอาไฟเผา' โดยไม่คำนึงถึงรสชาติหรือคุณภาพ เปรียบเหมือนการทำงานที่ขาดความประณีต ทำอย่างลวกๆ ขอแค่เสร็จโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "สุกเอาเผากิน" ในประโยค
- หากคุณทำรายงานแบบสุกเอาเผากินแบบนี้ อาจารย์คงไม่ให้คะแนนเต็มแน่นอน
- บริษัทนี้ทำงานแบบสุกเอาเผากิน พอมีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังก็ต้องมาแก้กันวุ่นวาย
- การซ่อมแซมบ้านแบบสุกเอาเผากิน เพียงไม่กี่เดือนก็มีปัญหาให้ต้องซ่อมใหม่อีกครั้ง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี