แสดงว่ามีจิตใจรวนเร คบเป็นเพื่อนตายไม่ได้ เพราะเมื่อถึงคราวคับขัน อาจปลีกตัวหนีเอาตัวรอดไปตามลำพังได้
ประเภทสำนวน
"หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ อย่าได้คบ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรงอย่างชัดเจน มีใจความสอนให้หลีกเลี่ยงการคบคนที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตคู่หรือศาสนา มีลักษณะการสั่งสอนชัดเจนด้วยคำว่า 'อย่าได้คบ'
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สะท้อนค่านิยมในสังคมไทยโบราณที่เน้นความมั่นคงในครอบครัวและความเชื่อ โดยมองว่าผู้หญิงที่มีสามีหลายคน (เปลี่ยนสามีบ่อย) และผู้ชายที่เปลี่ยนศาสนาบ่อย (สามโบสถ์) ล้วนเป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงในหลักการ จึงไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย เพราะอาจนำความเดือดร้อนหรือความไม่น่าเชื่อถือมาสู่ตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ อย่าได้คบ" ในประโยค
- พ่อแม่มักจะสอนลูกหลานว่า 'หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ อย่าได้คบ' เพราะคนที่เปลี่ยนใจบ่อยมักจะไม่มีความมั่นคงในคำพูดและการกระทำ
- คุณลุงเตือนผมว่าระวังคบหาสมาคมกับนายชัย เพราะเขาเคยเปลี่ยนความเชื่อหลายครั้ง 'หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ อย่าได้คบ' คนเปลี่ยนใจง่ายเชื่อใจยาก
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี