แสดงว่ามีจิตใจรวนเร คบเป็นเพื่อนตายไม่ได้ เพราะเมื่อถึงคราวคับขัน อาจปลีกตัวหนีเอาตัวรอดไปตามลำพังได้
ประเภทสำนวน
"หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดเตือนใจโดยตรงเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตคู่ แสดงข้อความที่ครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง เป็นคำสอนที่ได้รับการยอมรับในสังคมไทยว่าถูกต้องตามจารีตประเพณี
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สะท้อนค่านิยมในสังคมไทยโบราณที่มองว่า ผู้หญิงที่มีสามีหลายคน (แต่งงานมาแล้วหลายครั้ง) จะถูกมองว่าไม่ดี ขณะที่ผู้ชายที่บวชได้ถึงสามวาระ (สามโบสถ์) จะได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดี มีบุญ เป็นสุภาษิตที่สะท้อนมาตรฐานทางสังคมที่แตกต่างกันระหว่างชายและหญิงในอดีต
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์" ในประโยค
- ในสมัยก่อน สังคมไทยยึดถือคำสอน หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ อย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบันค่านิยมเรื่องความเสมอภาคทางเพศเปลี่ยนไปมาก
- คุณยายมักจะสอนหลานสาวเสมอว่า หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว อย่าหย่าร้างบ่อย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี