อย่าคบคนจร ที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าหรือไม่รู้จักประวัติเสียก่อน
ประเภทสำนวน
"อย่าคบคนจร นอนหมอนหมิ่น" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า มีความหมายชัดเจน เป็นคำสอนโดยตรง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม สอนให้ระวังการคบคนและการใช้ชีวิต เป็นข้อคิดหรือคำสอนที่สมบูรณ์ในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
เป็นคำสอนเกี่ยวกับการเลือกคบคนและการใช้วิจารณญาณในการดำเนินชีวิต คำว่า 'คนจร' หมายถึงคนพเนจร ไม่มีหลักแหล่ง ซึ่งอาจไม่มีความมั่นคงทั้งในด้านอาชีพและการดำเนินชีวิต ส่วน 'หมอนหมิ่น' หมายถึง หมอนที่ไม่ดี ไม่สะอาด ไม่น่าไว้วางใจ สุภาษิตนี้จึงเตือนให้ระมัดระวังในการคบคนที่ไม่น่าไว้ใจ และไม่ประมาทในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าคบคนจร นอนหมอนหมิ่น" ในประโยค
- พ่อแม่มักสอนลูกหลานเสมอว่าอย่าคบคนจร นอนหมอนหมิ่น เพราะอาจนำภัยมาสู่ตนเองได้
- ในสังคมยุคใหม่ การสอนให้เด็กรู้จักอย่าคบคนจร นอนหมอนหมิ่น อาจจะต้องขยายความให้ครอบคลุมถึงการระวังภัยออนไลน์ด้วย
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี