อย่าทำอะไรที่เป็นเหตุให้อันตรายมาถึงตัว
บางทีก็พูดว่า “อย่าชักเรือเข้าลึก”
ประเภทสำนวน
"อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตอย่างชัดเจน มีเนื้อหาครบถ้วนในตัวเอง ไม่ต้องตีความซับซ้อน เป็นประโยคที่สอนไม่ให้ทำสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เป็นคำสอนที่ตรงไปตรงมา เตือนไม่ให้นำความยุ่งยากหรือปัญหามาสู่ตนเองและที่อยู่อาศัย แบ่งเป็นสองส่วน คือ 'อย่าชักน้ำเข้าลึก' หมายถึง ไม่ควรทำให้ปัญหาลุกลามหรือขยายใหญ่โตขึ้น และ 'อย่าชักศึกเข้าบ้าน' หมายถึง ไม่ควรนำความขัดแย้งหรือเรื่องทะเลาะวิวาทเข้ามาในบ้านหรือที่อยู่อาศัยของตน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน" ในประโยค
- ฉันบอกให้เธอหยุดเถียงกับแก๊งนักเลงหน้าหมู่บ้าน อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน เดี๋ยวจะเดือดร้อนถึงครอบครัวเรา
- พ่อแม่มักสอนลูกเสมอว่า อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน ให้รู้จักหลีกเลี่ยงปัญหาและความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี