อย่าลดตัวลงไปสู้กับคนชั่วต่ำ มีแต่เสียศักดิ์ศรี เพราะไม่คู่ควรกัน
ประเภทสำนวน
"อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความเพิ่มเติม มีการเปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่คุ้มค่า โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างของมีค่า (ทอง) กับของธรรมดา (กระเบื้อง) มีลักษณะเป็นคำเตือนที่ต้องตีความ ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบระหว่างทองซึ่งเป็นของมีค่าสูง กับกระเบื้องซึ่งเป็นวัสดุธรรมดาราคาถูก 'ลู่' ในที่นี้หมายถึงการขัดถู ทำให้เป็นเงางาม เมื่อนำทองไปขัดถูกระเบื้อง นอกจากจะไม่ทำให้กระเบื้องมีค่าขึ้นแล้ว ยังทำให้ทองสึกหรอเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ สำนวนนี้จึงสอนว่าไม่ควรนำสิ่งมีค่าไปใช้กับสิ่งที่ด้อยค่ากว่ามาก เพราะไม่คุ้มค่าและเสียของโดยใช่เหตุ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง" ในประโยค
- บริษัทส่งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาทำงานง่ายๆ ที่พนักงานทั่วไปก็ทำได้ นี่มันอย่าเอาทองไปลู่กระเบื้องชัดๆ
- การที่คุณใช้เวลาและความสามารถพิเศษของคุณไปกับงานที่ใครๆ ก็ทำได้ เหมือนกับอย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง คุณควรหางานที่เหมาะสมกับความสามารถมากกว่านี้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี