อย่าลดตัวลงไปสู้กับคนชั่วต่ำ มีแต่จะเสียศักดิ์ศรี เพราะไม่คู่ควรกัน
พิมเสนเป็นของมีค่ามากกว่าเกลือ
ประเภทสำนวน
"อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ชัดเจนโดยตรง มีลักษณะเป็นประโยคสั่งสอนให้ไม่ควรทำบางสิ่ง (อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ) โดยมีความหมายที่เข้าใจได้ทันทีว่าสอนไม่ให้เอาของมีค่ามากไปแลกกับของที่มีค่าน้อยกว่า
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีที่มาจากการเปรียบเทียบค่าของสิ่งของสองอย่าง คือ พิมเสน ซึ่งเป็นของหอมที่มีราคาแพงในสมัยก่อน และเกลือซึ่งเป็นของใช้ทั่วไปที่มีราคาถูกกว่ามาก การเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือจึงเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดและไม่คุ้มค่า สะท้อนการสอนให้รู้จักพิจารณาคุณค่าและมูลค่าของสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ" ในประโยค
- ไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ หากบริษัทตกลงขายเทคโนโลยีหลักของเราให้คู่แข่งเพียงเพื่อผลกำไรระยะสั้น
- การลาออกจากงานที่มั่นคงเพื่อไปทำธุรกิจเสี่ยงโดยไม่มีแผนรองรับ ก็เหมือนกับเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี