อย่าเอาสิ่งของหรืออะไรก็ตามแสดงต่อผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในสิ่งนั้นเป็นที่ลือชาปรากฏอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ดูเหมือนว่าตนเป็นคนโง่เขลา เบาปัญญา หรือเซ่อเซอะอะไรทำนองนั้น
จะไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาจะหัวเราะเยาะได้ เพราะในสวนเขาก็มีมะพร้าวอยู่แล้ว
ประเภทสำนวน
"อย่าเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความชัดเจน มีรูปแบบเป็นคำสั่งหรือข้อห้าม (อย่า...) ที่ให้ข้อคิดเตือนใจได้โดยตรง ไม่ต้องตีความซับซ้อน ฟังแล้วเข้าใจได้ว่าเป็นการเตือนไม่ให้ทำบางสิ่ง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เปรียบเทียบการนำสิ่งที่ธรรมดาหรือด้อยคุณภาพ (มะพร้าวห้าว) ไปอวดหรือสอนผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องนั้นอยู่แล้ว (เจ้าของสวนมะพร้าว) ซึ่งย่อมรู้จักและมีของที่ดีกว่าอยู่แล้ว สอนให้รู้จักกาลเทศะ ไม่อวดรู้หรือสอนผู้ที่มีความรู้ความชำนาญมากกว่า
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน" ในประโยค
- อาจารย์ใหม่คนนั้นพยายามจะสอนเทคนิคการสอนแบบเก่าๆ ให้อาจารย์อาวุโสฟัง นี่มันเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนชัดๆ
- ฉันว่านายอย่าไปเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนเลย จะไปสอนวิธีทำอาหารใต้ให้แม่ครัวชาวปักษ์ใต้ฟังน่ะ เขาทำเป็นมาตั้งแต่เกิด
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี