ถ้าลดตัวไปเล่นหัวกับคนชั้นต่ำกว่า เขาก็อาจตีเสมอทำลวนลามเอา
สากในที่นี้หมายถึงสากตำข้าวที่เขาพิงไว้ ถ้าใครซุกซนไปจับต้องเข้า สากอาจเลื่อนล้มทับถูกหัวถูกหูก็ได้
ประเภทสำนวน
"เล่นกับหมา หมาเลียปาก เล่นกับสาก สากต่อยหัว" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝงต้องตีความ โดยมีโครงสร้างการเปรียบเทียบระหว่างการเล่นกับหมากับการเล่นกับสาก เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่วลีเฉพาะที่ต้องตีความพิเศษเหมือนสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้มีแนวคิดในการเปรียบเทียบผลที่ได้จากการคบหาสมาคมกับคนต่างประเภท หมาเป็นตัวแทนของคนใจดี มีน้ำใจ ส่วนสากเป็นตัวแทนของคนหยาบช้า ไร้น้ำใจ การคบคนดีจะได้รับสิ่งดีตอบแทน (หมาเลียปาก) แต่การคบคนไม่ดีจะได้รับความเดือดร้อน (สากต่อยหัว)
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เล่นกับหมา หมาเลียปาก เล่นกับสาก สากต่อยหัว" ในประโยค
- พ่อแม่มักเตือนลูกว่าให้เลือกคบเพื่อนดีๆ เพราะเล่นกับหมา หมาเลียปาก เล่นกับสาก สากต่อยหัว เลือกคบคนผิดอาจทำให้ชีวิตพังได้
- คนเราต้องรู้จักเลือกคบคน เล่นกับหมา หมาเลียปาก เล่นกับสาก สากต่อยหัว ถ้าเลือกคบคนไม่ดี สุดท้ายต้องเดือดร้อนแน่นอน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี