ผู้หญิงจึงไม่ยอมเสียสามีให้แก่หญิงใด เพราะเท่ากับเสียศักดิ์ศรีของตน
เดิมเราถือกันว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่ร้างเพราะสามีหนีไปนั้น แสดงว่าผู้หญิงผู้นั้นต้องมีอะไรบกพร่องเลวร้าย สังคมมักคิดว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี เพราะฉะนั้นผู้หญิงจึงไม่ยอมเสียสามีให้แก่หญิงใด เพราะเท่ากับเสียศักดิ์ศรีของตน แต่ในปัจจุบันอาจได้ยินบางคนพูดว่า “ถ้าได้ทองเท่าหัว ใครอยากได้ผัวก็เอาไป” แสดงว่าคนเดี๋ยวนี้เห็นแก่เงินมากขึ้น
ไม่ยอมยกสามีให้แก่ผู้หญิงอื่นแม้ต้องแลกกับทรัพย์สินเงินทองมากมายก็ตาม
ประเภทสำนวน
"เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นคำเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมหรือทัศนคติ โดยใช้การเปรียบเปรยระหว่างทรัพย์สิน (ทอง) กับความสัมพันธ์ (สามี) มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม และไม่ได้ให้คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้แสดงถึงความหวงแหนสามีของภรรยา ที่ยอมเสียทองคำที่มีค่ามากขนาดเท่าหัวของตน แต่ไม่ยอมให้สามีไปเป็นของคนอื่น สะท้อนค่านิยมของผู้หญิงไทยในอดีตที่ให้ความสำคัญกับสามีและครอบครัวมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง รวมถึงสะท้อนสังคมที่ผู้ชายมีค่าและมีอำนาจมากในครอบครัว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" ในประโยค
- แม้จะมีคนเสนอเงินให้มากมายแค่ไหน นางก็ไม่ยอมหย่าร้างกับสามี เพราะเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร
- จะว่าไปแล้ว ความรักของคุณนาถที่มีต่อสามีนั้นเรียกได้ว่าเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร แม้เขาจะทำตัวไม่ดีอย่างไร เธอก็ยังรักและยอมอภัยให้เสมอ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่ต้องตีความ ไม่ได้ให้คำสอนโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเปรยถึงการที่คนเราให้คุณค่ากับบางสิ่งมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างทรัพย์สินที่มีค่า (ทองเท่าหัว) กับความรักและความสัมพันธ์ (สามี/ภรรยา) สะท้อนค่านิยมว่าแม้จะต้องเสียทรัพย์สินมูลค่ามากมายเพียงใด ก็ไม่ยอมสูญเสียคนรักไป แสดงให้เห็นว่าความรักและความสัมพันธ์มีค่ามากกว่าเงินทอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร" ในประโยค
- แม้จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลสามีถึงสองล้านบาท คุณนงนุชก็ยอม เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร
- คนเขาว่าผมเป็นผัวท้องถิ่น เลี้ยงไม่ค่อยเป็น แต่เมียผมก็ยังบอกว่า เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ผมฟังแล้วซึ้งใจจริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี