เข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่าย หากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำจะได้กลับตัวไปเข้ากับอีกฝ่ายได้ทัน
ประเภทสำนวน
"เหยียบเรือสองแคม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่มีความหมายแฝง ใช้เปรียบเปรยถึงพฤติกรรมของคน ผู้ฟังต้องตีความเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความหมาย สะท้อนการกระทำที่เสี่ยงหรือไม่น่าไว้วางใจ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการเดินทางทางน้ำ การเหยียบเรือสองแคม คือการยืนอยู่บนเรือสองลำพร้อมกัน เป็นการกระทำที่อันตรายมาก เพราะหากเรือแยกออกจากกัน ผู้ยืนก็จะตกน้ำอย่างแน่นอน เปรียบเทียบกับการกระทำที่ไม่จริงใจ หรือทำตัวเป็นพวกเดียวกับทั้งสองฝ่ายที่เป็นศัตรูกัน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เหยียบเรือสองแคม" ในประโยค
- นักการเมืองที่สนับสนุนทั้งสองพรรคที่เป็นคู่แข่งกัน กำลังเหยียบเรือสองแคม สุดท้ายก็ต้องเลือกข้างสักฝ่าย
- บริษัทที่ทำตัวเป็นพันธมิตรกับคู่แข่งทางธุรกิจสองราย กำลังเหยียบเรือสองแคม อาจจะเสียทั้งสองฝ่ายได้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"เหยียบเรือสองแคม" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมมนุษย์ที่พยายามเอาตัวรอดโดยจับจุดยืนสองฝ่าย มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงแบบสุภาษิต และไม่ใช่วลีสั้นๆ ที่แปลตรงตัวไม่ได้แบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการยืนบนเรือสองลำที่แล่นคนละทิศคนละทาง หากคนยืนเท้าหนึ่งบนเรือลำหนึ่ง และอีกเท้าบนอีกลำหนึ่ง เมื่อเรือแยกออกจากกัน คนนั้นย่อมทรงตัวไม่ได้และจะตกน้ำในที่สุด เปรียบเหมือนคนที่พยายามเข้ากับทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน สุดท้ายมักจะไม่เป็นที่ไว้วางใจของทั้งสองฝ่ายและประสบความล้มเหลว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เหยียบเรือสองแคม" ในประโยค
- นักการเมืองคนนี้พยายามเหยียบเรือสองแคม สนับสนุนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สุดท้ายไม่มีใครเชื่อถือเขาเลย
- พี่สมชายก็รู้ว่าน้องสองคนกำลังทะเลาะกัน แต่ยังพยายามเหยียบเรือสองแคมคบหากับทั้งสองคน สุดท้ายก็โดนทั้งสองคนเข้าใจผิดว่าเป็นคนยุแยงตะแคงรั่ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี