ประเภทสำนวน
"ไม่ดูตาม้าตาเรือ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นวลีเฉพาะที่มีความหมายไม่สามารถเข้าใจได้จากการแปลตรงตัว ต้องตีความเฉพาะ ไม่ใช่คำสอนโดยตรง (สุภาษิต) และไม่ใช่การเปรียบเทียบลักษณะหรือพฤติกรรม (คำพังเพย) แต่เป็นการกล่าวถึงพฤติกรรมเฉพาะแบบหนึ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ความหมายเฉพาะ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้หมายถึง การไม่พิจารณาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เวลา หรือโอกาส โดยมาจากการขึ้นลงยานพาหนะโบราณอย่างม้าและเรือ ซึ่งจำเป็นต้องดูจังหวะและโอกาสให้เหมาะสม มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้ เช่น ขึ้นม้าต้องดูจังหวะที่ม้าหยุดนิ่ง หรือขึ้นเรือต้องดูจังหวะให้เรือเทียบท่าสนิท
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่ดูตาม้าตาเรือ" ในประโยค
- เธอเสนอโปรเจกต์นี้กับบอสตอนที่บริษัทกำลังประสบปัญหาการเงิน แบบนี้เรียกว่าไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
- การวางตัวของเขาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ พูดเรื่องไม่เหมาะสมในงานศพ ทำให้หลายคนไม่พอใจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ไม่ดูตาม้าตาเรือ" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเทียบที่สื่อความหมายแฝง ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และมีโครงสร้างของการเปรียบเทียบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการสังเกตว่าคนที่มีประสบการณ์จะดูลักษณะสำคัญก่อนตัดสินใจ เช่น พ่อค้าม้าจะดูที่ตาม้าเพื่อดูสุขภาพและนิสัย คนเดินเรือต้องดูสภาพเรือโดยเฉพาะรูรั่วที่เรียกว่า 'ตาเรือ' ความหมายคือ การทำอะไรโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ ไม่ดูสภาพการณ์หรือความเหมาะสมก่อนตัดสินใจ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่ดูตาม้าตาเรือ" ในประโยค
- น้องคนนี้ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เห็นแต่เงินเดือนสูงก็รีบลาออกจากที่เก่าไปทำงานใหม่ พอเข้าไปทำงานจริงก็พบว่าสภาพแวดล้อมแย่มาก
- การแต่งงานแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ รู้จักกันได้แค่เดือนเดียวก็แต่งเลย มักจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี