ไม่รู้ความเป็นมาหรือพื้นเพ
ไม่รู้ว่าบ้านช่องอยู่ไหน เป็นลูกหลานใคร ไม่รู้จักพื้นเพ
ประเภทสำนวน
"ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นการเปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ขาดความเป็นระเบียบหรือไม่เข้าใจลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งต้องตีความเพิ่มเติมจากถ้อยคำที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง ไม่ใช่คำสอนโดยตรงเหมือนสุภาษิต และไม่ใช่สำนวนไทยเฉพาะที่แปลตรงตัวไม่ได้
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มีที่มาจากการนอนที่มีระเบียบแบบแผน คือ ศีรษะควรอยู่ทางหัวเตียงหรือหมอน ส่วนเท้าควรอยู่ปลายเตียง การที่คนไม่รู้จักว่าส่วนไหนคือหัวหรือปลายเตียง จึงเปรียบเหมือนคนที่ไม่รู้จักลำดับความสำคัญ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่มีระเบียบ หรือไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน" ในประโยค
- น้องคนนี้ตั้งใจจะทำธุรกิจออนไลน์ แต่ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ทำไปโดยไม่มีแผนการ ไม่รู้ขั้นตอน เลยล้มเหลวอย่างรวดเร็ว
- การทำงานในองค์กรต้องมีระเบียบแบบแผน ถ้าไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้
- ดูเธอเตรียมจัดงานแต่งงานสิ ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเลย ทำอะไรสะเปะสะปะไปหมด ทั้งๆที่เวลาเหลือน้อยแล้ว
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี
ประเภทสำนวน
"ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความเปรียบเปรยถึงพฤติกรรมของคนที่ไม่รู้จักลำดับความสำคัญหรือไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มีความหมายแฝงที่ต้องตีความเพิ่มเติม ไม่ใช่คำสอนโดยตรงอย่างสุภาษิต และไม่ใช่วลีสั้นๆ ที่แปลความหมายตรงตัวไม่ได้แบบสำนวนไทย
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
มีที่มาจากการเปรียบเทียบกับการนอน ที่จะต้องรู้ว่าส่วนไหนคือหัวนอน (ที่วางศีรษะ) และส่วนไหนคือปลายตีน (ที่วางเท้า) โดยนำมาเปรียบกับคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักอะไรสำคัญกว่ากัน หรือไม่เข้าใจลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน" ในประโยค
- น้องใหม่คนนี้แย่มาก พูดจากับอาจารย์เหมือนพูดกับเพื่อน ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน เลย
- เขาเป็นคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ในที่ประชุมก็แสดงความคิดเห็นแทรกผู้ใหญ่ตลอด ไม่รู้จักรอจังหวะเลย
- การที่เธอทุ่มเงินซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ทั้งที่ยังมีหนี้สินรุงรัง แสดงว่าเธอไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเลยจริงๆ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี