ด่วนตัดสินใจทำอะไรเลยไป ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร
ประเภทสำนวน
"ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่มีความหมายชัดเจน สมบูรณ์ในตัวเอง ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการไม่ควรทำอะไรโดยขาดการวางแผนหรือเตรียมพร้อม เป็นคำสอนโดยตรงที่มีลักษณะเตือนสติให้ทำอะไรอย่างรอบคอบ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีที่มาจากวิถีชีวิตในสมัยก่อน โดยเปรียบเทียบกับการทำเครื่องมือหรือการล่าสัตว์ คำว่า 'ตัดกระบอก' หมายถึง การตัดไม้ไผ่เพื่อนำมาทำเป็นภาชนะสำหรับใส่น้ำหรือของเหลว หากไม่รู้ว่าจะมีแหล่งน้ำที่ไหนแล้วตัดกระบอกไปเปล่าๆ ก็จะเสียเวลาและแรงงานโดยเปล่าประโยชน์ ส่วน 'ก่งหน้าไม้' หมายถึง การเตรียมอาวุธ (หน้าไม้) ให้พร้อมยิง โดยที่ยังไม่เห็นเป้าหมาย (กระรอก) ก็อาจจะเสียลูกธนูไปโดยเปล่าประโยชน์
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้" ในประโยค
- เธอกำลังไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้ ลาออกจากงานทั้งที่ยังไม่มีที่ทำงานใหม่รองรับ
- การลงทุนซื้อที่ดินโดยไม่ได้สำรวจสภาพพื้นที่จริงก่อน เป็นการไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกก่งหน้าไม้ อาจทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี