อย่าด่วนทำอะไรล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในภายหน้า จะเหนื่อยเปล่า
ประเภทสำนวน
"ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิดคำสอนโดยตรง สอนไม่ให้ทำอะไรเกินตัวหรือไม่รอบคอบ มีลักษณะเป็นคำสอนอย่างชัดเจน มีประโยคสมบูรณ์ในตัวเอง และเข้าใจความหมายได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความซับซ้อน
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนเรื่องความรอบคอบและความพร้อม ไม่ให้รีบร้อนทำสิ่งใดโดยไม่ดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อน เปรียบได้กับการที่ไม่ควรเตรียมภาชนะไว้รองน้ำเมื่อยังไม่เห็นน้ำ หรือไม่ควรเตรียมธนูเพื่อยิงกระรอกเมื่อยังไม่เห็นตัวกระรอก เป็นการสอนให้ไม่ประมาทและไม่ทำอะไรโดยขาดการพิจารณา
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้" ในประโยค
- พี่บอกน้องเสมอว่า ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้ อย่าเพิ่งลาออกจากงานถ้ายังไม่มีที่ทำงานใหม่ที่แน่นอน
- อย่าเพิ่งรีบซื้อเครื่องมือทำอาชีพเสริมทั้งหมด เพราะไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้ ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าเหมาะกับเราจริงๆ หรือเปล่า
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี