ไม้ล้มข้ามไปไม่มีอันตรายอะไร แต่คนที่เคยมีอำนาจวาสนา แล้วหมดอำนาจ อย่าไปซ้ำเติมเขา เพราะเขาอาจกลับมามีอำนาจอีกได้
ประเภทสำนวน
"ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงและชัดเจน ให้คนมีความเมตตากรุณา ไม่ซ้ำเติมผู้ที่ประสบความทุกข์ยาก มีลักษณะเป็นคำสอนที่สมบูรณ์ในตัวเองและเข้าใจความหมายได้ทันที
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเปรียบเทียบระหว่างไม้กับคน คือเมื่อต้นไม้ล้มลงสามารถก้าวข้ามได้ แต่เมื่อคนล้มลง (ประสบความทุกข์ยาก ตกอับ) ไม่ควรก้าวข้าม (ซ้ำเติม เหยียบย่ำ) ควรช่วยเหลือให้ลุกขึ้นได้อีกครั้ง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม" ในประโยค
- เมื่อเพื่อนร่วมงานถูกไล่ออกเพราะทำงานผิดพลาด แทนที่จะนินทาว่าร้าย เราควรปลอบใจและให้กำลังใจเขา ตามสุภาษิต ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม
- ครอบครัวของนายสมชายประสบปัญหาเศรษฐกิจ แทนที่เพื่อนบ้านจะดูถูกเหยียดหยาม กลับช่วยหางานให้ทำ เพราะรู้ดีว่า ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี