ประเภทสำนวน
"กำแพงมีหูประตูมีช่อง / กำแพงมีหูประตูมีตา" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความหมายชัดเจน เตือนให้ระมัดระวังในการพูด เพราะอาจมีคนได้ยินได้เห็นโดยที่เราไม่รู้ตัว เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความ
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีความหมายเตือนใจว่า การพูดหรือทำอะไรในที่ลับ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครรู้ เนื่องจากอาจมีผู้อื่นได้ยินได้เห็นผ่านช่องว่างหรือช่องทางต่างๆ แม้จะอยู่หลังกำแพงหรือประตู สุภาษิตนี้สอนให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำ โดยเฉพาะเรื่องลับหรือเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "กำแพงมีหูประตูมีช่อง / กำแพงมีหูประตูมีตา" ในประโยค
- ต้องระวังเวลาคุยเรื่องความลับในที่ทำงาน เพราะกำแพงมีหูประตูมีช่อง อาจมีคนได้ยินแล้วนำไปบอกต่อได้
- เธอจะพูดวิจารณ์หัวหน้าในห้องประชุมแบบนี้ไม่ได้นะ กำแพงมีหูประตูมีตา ถ้าหัวหน้ารู้เข้าจะเดือดร้อนกันใหญ่
- อย่าคุยเรื่องแผนการลับตรงนี้ กำแพงมีหูประตูมีช่อง ให้ไปคุยในที่ปลอดภัยกว่านี้ดีกว่า
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี