คำติมักเป็นประโยชน์ทำให้ได้คิด มักใช้เข้าคู่กับ หวานเป็นลม ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา
ประเภทสำนวน
"ขมเป็นยา" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความชัดเจนในตัวเอง ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการยอมรับสิ่งที่ไม่พึงพอใจเพื่อประโยชน์ในระยะยาว มีลักษณะเป็นข้อคิดคำสอนที่ทุกคนเข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องตีความเพิ่มเติมมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้มีที่มาจากคุณสมบัติของยาสมุนไพรโบราณที่มักมีรสขม แต่กลับช่วยรักษาโรคได้ เปรียบเหมือนสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจในตอนแรก แต่จะเกิดผลดีในภายหลัง สอนให้เรายอมรับความลำบาก คำวิจารณ์ หรือคำตำหนิที่ตรงไปตรงมา ซึ่งถึงแม้จะไม่สบายใจในตอนแรก แต่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองในระยะยาว
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ขมเป็นยา" ในประโยค
- คำติชมที่ตรงไปตรงมาจากอาจารย์อาจทำให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่ขมเป็นยา ฟังเอาไว้แล้วนำไปปรับปรุง เธอจะได้เก่งขึ้น
- ฝึกซ้อมหนักวันนี้ ขมเป็นยา เพื่อความสำเร็จในวันหน้า
- แม้จะถูกตำหนิต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม แต่เขาก็มองว่าขมเป็นยา จึงรับฟังและนำไปแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี