ซื้อของไม่คำนึงถึงกาลเวลาย่อมได้ของแพง (Demand สูง Supply ต่ำ)
หน้าตรุษ คือ หน้าหนาว
ประเภทสำนวน
"ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่แนะนำเรื่องการใช้จ่ายอย่างฉลาด มีความหมายชัดเจนในตัวเอง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม เป็นข้อคิดสอนใจที่ตรงไปตรงมา
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เป็นคำสอนเกี่ยวกับการเลือกเวลาซื้อสินค้าที่ไม่เหมาะสม การซื้อควายในช่วงฤดูเพาะปลูก (หน้านา) ราคาจะสูงเพราะเป็นที่ต้องการ และการซื้อผ้าช่วงเทศกาลตรุษ (เช่น สงกรานต์) ก็จะมีราคาแพงเพราะความต้องการสูง คำสอนนี้แนะนำให้รอจังหวะและวางแผนการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ไม่ซื้อของในช่วงที่ราคาแพง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ" ในประโยค
- พ่อสอนเสมอว่า ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ ชาวนาไม่รู้จักรอจังหวะเวลา เดี๋ยวก็หมดตัวหรอก
- ราคาตั๋วเครื่องบินช่วงปีใหม่แพงมาก แต่เขาก็ยังจองเพราะจำเป็น นี่แหละที่เรียกว่า ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ
- คุณแม่มักจะซื้อเสื้อผ้าช่วงหลังเทศกาล เพราะท่านบอกว่า ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ มีแต่จะเสียเปรียบ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี