ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงย่าถึงยาย
คำสุภาษิต
หมายถึง วัวที่มีลักษณะดีนั้นให้ดูที่หาง การที่จะเลือกผู้หญิงมาเป็นคู่ครอง ต้องดูไปจนถึงแม่ด้วย เพราะลูกกับแม่ก็มักจะมีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกัน
ที่มา วัวที่มีลักษณะดีนั้นให้ดูที่หาง ถ้าปลายหางเป็นพู่เหมือนใบโพธิ์ ก็นับว่าเป็นวัวที่มีลักษณะดีมาก การที่จะเลือกผู้หญิงมาเป็นคู่ครอง ไม่ใช่ดูเพียงตัวผู้หญิงเท่านั้น ต้องดูไปจนถึงแม่ด้วยว่าเป็นคนดีหรือไม่ เพราะลูกกับแม่ก็มักจะมีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกัน และถ้าจะดูให้แน่จริงๆ ต้องสืบประวัติไปจนถึงย่ายายของหญิงนั้นด้วย
หมายเหตุ มักใช้แบบ ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
ประเภทสำนวน
"ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงย่าถึงยาย" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติโดยตรง เกี่ยวกับการพิจารณาเลือกคู่ครอง คำสอนนี้มีความหมายชัดเจน เข้าใจได้ทันที และเป็นประโยคที่สมบูรณ์ในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้สังเกตลักษณะทางพันธุกรรมและการอบรมเลี้ยงดูที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างวัวกับมนุษย์ สอนว่าการดูลักษณะของวัวควรดูที่หาง เพราะหางเป็นส่วนที่บ่งบอกสายพันธุ์ได้ ส่วนการเลือกคู่ครองควรพิจารณาถึงแม่และบรรพบุรุษฝ่ายหญิง เพราะลักษณะนิสัย ความประพฤติ และรูปร่างหน้าตามักถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงย่าถึงยาย" ในประโยค
- พ่อแม่สมัยก่อนมักสอนลูกชายว่า 'ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงย่าถึงยาย' ก่อนจะตัดสินใจสู่ขอใคร
- คุณพ่อของฉันยังยึดถือคำสอนเรื่อง 'ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงย่าถึงยาย' จึงขอพาญาติผู้ใหญ่ไปสังเกตอุปนิสัยของครอบครัวฝ่ายหญิงก่อนตกลงปลงใจ
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี