ประเภทสำนวน
"หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่เตือนให้ระมัดระวังในการพูดคุยเรื่องลับหรือความลับ มีความหมายชัดเจนในตัวเอง และมีลักษณะเป็นคำสอนที่ให้ข้อคิด จึงจัดเป็นสุภาษิต
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้เตือนว่าเวลาพูดคุยเรื่องสำคัญหรือเรื่องลับในบ้านหรือที่ใดก็ตาม ให้ระวังตัว เพราะอาจมีผู้อื่นแอบฟังอยู่ตามประตูหรือหน้าต่าง หมายความว่า ทุกที่อาจมีคนแอบฟังอยู่ได้ จึงไม่ควรพูดในสิ่งที่ไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ในที่สาธารณะหรือแม้แต่ในที่ส่วนตัวที่อาจมีคนได้ยิน
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" ในประโยค
- พูดเรื่องสำคัญแบบนี้ควรระวังหน่อย หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ใครจะมาได้ยินเข้าก็ไม่ดี
- พ่อเตือนลูกๆ เสมอว่าให้ระวังการพูดคุยเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะ เพราะหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง
- เรื่องแผนธุรกิจใหม่นี้อย่าเพิ่งพูดกันตรงนี้ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง เดี๋ยวคู่แข่งจะรู้กลยุทธ์เรา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี