อย่าเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ กิจกรรม หรือการกระทําของผู้อืน ซึ่งเขากำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว
ประเภทสำนวน
"หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนที่ให้ข้อคิดโดยตรงในรูปประโยคที่สมบูรณ์ สอนไม่ให้เข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่นที่กำลังจัดการกันอยู่ ซึ่งเป็นคำสอนที่ชัดเจน มีเนื้อความที่เข้าใจได้ว่าเป็นการสอนให้รู้จักวางตัวให้เหมาะสม
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มีที่มาจากการยกหรือหามหมูที่ถูกฆ่าแล้ว โดยใช้ไม้ไผ่หรือคานสอดเข้าไปที่ขาหมูทั้งสี่ขา เพื่อหามไปด้วยกัน 2 คน หากมีคนมาสอดคานเพิ่มโดยไม่ได้รับการร้องขอ จะทำให้การหามนั้นผิดสมดุลและอาจทำให้หมูหล่นได้ เป็นการสอนให้ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของผู้อื่นที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้รับการร้องขอให้ช่วย
ตัวอย่างการใช้สำนวน "หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด" ในประโยค
- เขากำลังพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่ หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง
- ผมว่าคุณไม่ควรไปแทรกแซงการตัดสินใจระหว่างสามีภรรยาคู่นั้น หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี